รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ทตอ.) ที่มีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เป็นประธาน มีมติให้ขยายเวลายกเว้นเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาด (เอดี) เหล็กแผ่นชุบหรือเคลือบด้วยโครเมียมทั้งชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน (ทินฟรี) จากจีน เกาหลีใต้ และสหภาพยุโรป (อียู) และเหล็กแผ่นชุบหรือเคลือบด้วยดีบุกทั้งชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน (ทินเพลตที่ใช้ทำกระป๋องบรรจุอาหาร) จากจีน เกาหลีใต้ ไต้หวัน และอียู ต่อไปอีก 6 เดือน หลังจากสิ้นสุดการยกเว้นไปเมื่อวันที่ 12 พ.ค.65
สำหรับสาเหตุที่มีต่ออายุยกเว้นภาษี เพื่อต้องการบรรเทาต้นทุนผลิตสินค้าให้กับผู้ประกอบการ และผู้บริโภคที่มีเกี่ยวข้องกับเหล็กแผ่นจำนวนมาก โดยเฉพาะสินค้าอาหารกระป๋อง เพราะหากเก็บอากรเอดี จะทำให้ต้นทุนของผู้ใช้เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะอุตสาหกรรมอาหาร และอาจทำให้ต้องขึ้นราคาขาย และกระทบต่อผู้บริโภคตามมา ซึ่งปัจจุบันต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นมากอยู่แล้ว ทั้งต้นทุนค่าแรงงาน น้ำมัน และวัตถุดิบสินค้าเกษตรคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาคณะกรรมการ ทตอ.ได้เปิดไต่สวนเพื่อใช้มาตรการเอดีตามที่ผู้ผลิตสินค้าไทยยื่นคำร้องว่า สินค้าทั้ง 2 รายการจาก 4 ประเทศได้ทุ่มตลาดในไทย หรือตั้งราคาขายในไทยต่ำกว่าราคาขายในประเทศผู้ผลิต จนทำให้ผู้ผลิตสินค้าไทยได้รับความเสียหาย เช่น ส่วนแบ่งตลาด ยอดขาย กำไรลดลง และจากการไต่สวน พบว่ามีการทุ่มตลาดจริง จึงเรียกเก็บอากรเอดีสินค้า 2 รายการจาก 4 ประเทศเป็นเวลา 5 ปี ตั้งแต่เดือนพ.ย.64 -พ.ย.69
“หากพ้นระยะเวลายกเว้นแล้ว ทตอ.จะมีการทบทวนอีกครั้งว่า ยังจำเป็นต้องต่อเวลาอีกหรือไม่ หากไม่จำเป็นจะเก็บอากรเอดีทินฟรีจากจีน4.53-24.73%ของราคาซี ไอ เอฟ (ราคาสินค้ารวมค่าประกันภัยและค่าขนส่ง) เกาหลีใต้3.94-17.06%และยุโรป18.52%เป็นเวลา5ปี จนถึงเดือน พ.ย.69 ส่วนทินเพลตจากจีนให้เก็บ2.45-17.46% เกาหลีใต้8.71-22.67% ไต้หวัน4.28-20.45%และยุโรป 5.82% เป็นเวลา5ปีเช่นกัน” คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
ด้านนายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และนายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป กล่าวว่า ต้องขอบคุณกระทรวงพาณิชย์ ที่ยอมขยายเวลาให้อีก 6 เดือน ทั้งที่จริงๆ แล้ว ผู้ใช้ต้องการให้ยกเลิกการเก็บอากรเอดีไปเลย เพราะจะทำให้ผู้ใช้มีโอกาสเลือกซื้อเหล็กกระป๋องจากหลายแหล่งมากขึ้น และสามารถต่อรองราคาได้ จากปัจจุบันที่จำกัดอยู่ไม่กี่แหล่ง หลังจากจีน ผู้ผลิตรายใหญ่ปิดโรงงานเหล็กไปหลายแห่ง ส่วนรัสเซีย และยูเครน แหล่งผลิตใหญ่ของโลกก็มีปัญหาสู้รบ ทำให้เหล็กหายไปจากตลาดโลกจำนวนมาก